585193939_1261414766033261_7009898025764056004_n

BMN ขยายขอบเขตสู่ On-ground ด้วยสื่อ Bangkok Pier+

สื่อใหม่ใจกลางสี่แยกสำคัญของกรุงเทพฯ

585580138_1261974782643926_4895918642843342062_n

   ในกรุงเทพฯ เมืองที่มีสภาพจราจรติดอันดับต้น ๆ ของภูมิภาค ข้อมูลจาก สำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร (สนข.) ปี 2565 ระบุว่าคนกรุงเทพฯ ใช้เวลาเดินทางเฉลี่ย 44–58 นาทีต่อเที่ยว และมีการเดินทางเฉลี่ยวันละ 2–3 เที่ยว ซึ่งเทียบเท่ากับการอยู่บนท้องถนนรวมกว่า 1.5–2 ชั่วโมงต่อวัน

 

585503685_1261974779310593_470716370295106591_n

   ขณะเดียวกัน รายงานจาก สำนักการจราจรและขนส่ง กรุงเทพมหานคร ปี 2566 พบว่าในชั่วโมงเร่งด่วน ความเร็วเฉลี่ยบนถนนสายหลักลดลงกว่า 40–60% ทำให้ผู้ขับขี่ต้อง “จ้องตรงไปข้างหน้า” ในสภาวะรถเคลื่อนตัวช้าเป็นเวลานาน และนั่นทำให้ “เวลารถติด” ไม่ใช่เพียงปัญหาการเดินทาง แต่กลายเป็น พื้นที่สื่อที่มีพลังสูงสุดแบบ 𝗡𝗼𝗻-𝗦𝗸𝗶𝗽𝗽𝗮𝗯𝗹𝗲 𝗔𝘁𝘁𝗲𝗻𝘁𝗶𝗼𝗻 ที่เกิดขึ้นทุกวันบนท้องถนนของกรุงเทพฯ

 

585023046_1261974785977259_5218864948456283634_n

   ขณะเดียวกัน รายงานจาก สำนักการจราจรและขนส่ง กรุงเทพมหานคร ปี 2566 พบว่าในชั่วโมงเร่งด่วน ความเร็วเฉลี่ยบนถนนสายหลักลดลงกว่า 40–60% ทำให้ผู้ขับขี่ต้อง “จ้องตรงไปข้างหน้า” ในสภาวะรถเคลื่อนตัวช้าเป็นเวลานาน และนั่นทำให้ “เวลารถติด” ไม่ใช่เพียงปัญหาการเดินทาง แต่กลายเป็น พื้นที่สื่อที่มีพลังสูงสุดแบบ 𝗡𝗼𝗻-𝗦𝗸𝗶𝗽𝗽𝗮𝗯𝗹𝗲 𝗔𝘁𝘁𝗲𝗻𝘁𝗶𝗼𝗻 ที่เกิดขึ้นทุกวันบนท้องถนนของกรุงเทพฯ

   Bangkok Pier+ ถูกติดตั้งบน 3 ทำเลยุทธศาสตร์ที่มี Traffic Volume ของกรุงเทพฯ ได้แก่

📍แยกประดิพัทธ์ พื้นที่ที่มีการสัญจรคับคั่งตลอดวัน

📍แยกตึกชัย โซนสำนักงาน, โรงพยาบาลขนาดใหญ่ มีรถผ่านมากกว่า 150,000 คัน/วัน

📍แยกอุรุพงษ์ เส้นทางเชื่อมต่อดินแดง–สยาม–พระราม 6 ที่คนเมืองใช้เดินทางเป็นประจำ

(ข้อมูลอ้างอิง: Bangkok Road Traffic Count, สำนักการจราจรและขนส่ง กรุงเทพมหานคร)

   ด้วยสถิตินี้ Bangkok Pier+ จึงกลายเป็นสื่อที่สร้างการมองเห็น “ซ้ำ” ได้โดยธรรมชาติ เพราะกว่า 78% ของผู้ใช้รถในกรุงเทพฯ ใช้เส้นทางเดิมเป็นประจำทุกวัน ส่งผลให้แบรนด์ได้ทั้ง Reach (ปริมาณคนที่เห็น) + Frequency (จำนวนครั้งที่เห็นซ้ำ) แบบอัตโนมัติ โดยไม่ต้องอาศัยการซื้อสื่อเพิ่มเหมือนแพลตฟอร์มออนไลน์

✨จอขนาดใหญ่ของ Bangkok Pier+ รองรับทั้งภาพนิ่งและวิดีโอ Full Motion และถูกออกแบบให้มองเห็นได้ชัดเจนจากทั้งคนขับรถ ผู้โดยสาร และคนเดินเท้า ช่วยให้แบรนด์ครองสายตาได้ในทุกจังหวะ ตั้งแต่ช่วง Prime Time จนถึงช่วงการเดินทางปกติ แม้จะเพียงขับผ่าน ก็ยังถูกสื่อดึงสายตาด้วยมุมมองเด่นชัดจากกลางสี่แยก ผลลัพธ์คือ High-Impact Visibility ที่เกิดจากพฤติกรรมจริงของผู้ใช้ถนน ไม่ใช่การตั้งใจดูสื่อ แต่เป็นสื่อที่ “ถูกมองเห็น” จากสถานการณ์จริง ทำให้ข้อความของแบรนด์ติดอยู่ในสายตาอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ทุกวัน

Bangkok Pier+ จึงไม่ใช่แค่ป้ายโฆษณา แต่คือ Real-Life Touchpoint ใหม่ของ BMN ที่ขยายจาก Mass Transit Media สู่การครองเมืองผ่านเส้นทางการเดินทางจริงของคนกรุงเทพฯ ทั้งกลางวัน–กลางคืน ทั้งวันธรรมดา–วันเร่งด่วน

นี่คือสื่อที่ทำให้แบรนด์ของคุณ “อยู่ในสายตาผู้คนตลอดเส้นทางชีวิตประจำวัน”